ยาพาราเซตามอล ยาสามัญประจำบ้านที่ต้องมี

ยาพาราเซตามอล หรือยาพารา เป็นยาที่เกือบทุกบ้านต้องมี สำหรับลดไข้ แก้ปวด

เรามาสรุปกันนะคะ ว่ายาพารา มีการกินให้ถูกวิธี กินอย่างไรดี และยาอื่นๆ ที่เป็นยาแก้ปวด ลดไข้มีอะไรบ้าง

  1. พาราเซตามอล (Paracetamol)หรือ อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen)นิยมเรียกสั้นๆว่า ยาพารา
#ยาพารา #ยาพาราเซตามอล #ยาบาคามอล #ยาแก้ไข้ #ยาแก้ปวด

ขนาดที่ใช้

1.1 ผู้ใหญ่ครั้งละ 0.5 g -1 g ทุก 4–6 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 4 g /วัน

1.2 เด็กคิดตามน้ำหนักตัวดังนี้

  • น้ำหนักตัว ตั้งแต่ 4–6 kg ให้ยา 60 mg
  • มากกว่า 6–8 kg ให้ยา 90 mg
  • มากกว่า 8–12 kg ให้ยา 120 mg
  • มากกว่า 12–16 kg ให้ยา 180 mg
  • มากกว่า 16–24 kg ให้ยา 240 mg

โดยให้ กินยาเฉพาะเวลามีไข้ วันละไม่เกิน 5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง

2. แอสไพริน (Aspirin ) ยาเม็ด ขนาด 300 mg สำหรับลดไข้

ขนาดที่ใช้ :

ผู้ใหญ่ 300–900 mg ทุก 4–6 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 4 g/วัน)

เด็กอายุน้อยกว่า 12 ปี ไม่แนะนำให้ใช้

3. ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen)

เป็นยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ใช้ลดไข้ได้ด้วยเช่นกัน

ขนาดที่ใช้

  • ผู้ใหญ่ 200–400 mg ทุก 4–6 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 2400 mg/วัน )
  • เด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ให้คิดตามน้ำหนักตัวโดยให้ยาที่ 5–10 mg/kg/dose ทุก 6–8 ชั่วโมง(ขนาดยาสูงสุดไม่เกิน 40 mg/kg/วัน หรือ 400 mg/วัน)

ยาลดไข้ที่นิยมเลือกใช้เป็นตัวแรกคือพาราเซตามอล เพราะปลอดภัยกว่า ไม่กัดกระเพาะ เหมือนยาอีก 2 ตัว ซึ่งเป็นยาในกลุ่มยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ อีกทั้งโรคบางโรคเช่นไข้เลือดออก ไม่สามารถใช้ยาลดไข้ในกลุ่มยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ในการลดไข้ได้เพราะจะทำให้เลือดออกง่ายและมากขึ้นค่ะ

ยาลดไข้เป็นเพียงยาบรรเทาอาการไข้เบื้องต้นเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่การรักษาที่ต้นเหตุของการเกิดไข้ ดังนั้นหากทานยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลงภายใน 2–3 วัน ควรปรึกษาแพทย์ดีกว่าค่ะ

อ้างอิง

1. https://www.mims.com/

2.ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ยาสามัญประจําบ้านแผนปัจจุบัน(ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๐

3. https://www.kaengrang.com

--

--

แข็งแรง.com
แข็งแรง.com

Written by แข็งแรง.com

แข็งแรง.com เป็นกลุ่มแพทย์และเภสัชกรที่สนใจในเรื่องข้อมูลสุขภาพ อยากแบ่งปันเรื่องราวด้านสุขภาพและการดูแลตัวเอง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและมีสุขภาพที่ดี

No responses yet