รู้เรื่องโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)

#กระดูกพรุน #osteoporosis

โรคกระดูกพรุน คือโรคของกระดูกที่มีการลดลงของมวลกระดูก และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกระดูก ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดลง ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อกระดูกหักมากขึ้น

ความแข็งแรงของกระดูก เราสามารถประเมิน ได้โดยการตรวจวัดความหนาแน่นกระดูก BMD ซึ่งถ้าอายุมากขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ตรวจค่า BMD

ลองมาดูวิธีการตรวจวัดความหนาแน่นกระดูกกันนะคะ จะมีหลายวิธีค่ะ

: Single photon absorptiometry (SPA)

: Dual energy X-ray absorptiometry (DXA)

: Quantitative computed tomography (QCT)

: Quantitative ultrasound (QUS)

DXA ถือเป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคกระดูกพรุนเนื่องจากมีความแม่นยำที่สุดใช้ติดตามการรักษาได้ ตรวจกระดูกได้หลายตำแหน่งพร้อมกัน ขณะที่ใช้ปริมาณรังสีน้อย

ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการเปรียบเทียบค่าความหนาแน่นกระดูกที่วัดได้ในหน่วยกรัมต่อตารางเซนติเมตรกับค่าความหนาแน่นมวลกระดูกสูงสุด(อายุประมาณ 30 ปี) ในกลุ่มประชากรสุขภาพดีเพศเดียวกัน เชื้อชาติเดียวกันเราเรียกค่านี้ว่า T-score

เป็นโรคกระดูกพรุนหรือยัง ดูอย่างไร

สำหรับหญิงวัยหมดประจำเดือนและชายที่อายุมากกว่า 50 ปี

ค่า T-scoreน้อยกว่าหรือเท่ากับ -2.5 ถือว่าเป็นโรคกระดูกพรุน

ค่า T-score อยู่ในช่วงกระดูกพรุนและมีกระดูกหักร่วมด้วย ถือว่าเป็นโรคกระดูกพรุนชนิดรุนแรง

ค่า T-score อยู่ระหว่าง -1 ถึง -2.5 ถือว่าเป็นภาวะกระดูกบาง

ค่า T-score มากกว่า -1 ถือว่าปกติ

ส่วนในกลุ่มเด็กและหญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนและชายอายุน้อยกว่า 50 ปี จะใช้ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของการเปรียบเทียบค่าความหนาแน่นกระดูกที่วัดได้ในหน่วยกรัมต่อตารางเซนติเมตรกับค่าความหนาแน่นมวลกระดูกในกลุ่มประชากรสุขภาพดีอายุเท่ากัน เพศเดียวกัน เชื้อชาติเดียวกันที่เรียกว่า Z-score เป็นตัวกำหนดโดย

ค่า Z-score มากกว่า -2.0 ถือว่าความหนาแน่นกระดูกปกติเมื่อเทียบกับคนอายุท่ากัน

ค่า Z-score น้อยกว่าหรือเท่ากับ -2.0 ถือว่าความหนาแน่นกระดูกน้อยเมื่อเทียบกับคนอายุท่ากัน

กระดูกพรุน เกิดได้อย่างไร

โดยปกติร่างกาย ต้องมีกระบวนการปรับแต่งกระดูกโดยมีการสลายกระดูกเก่า ขณะเดียวกันก็จะมีการสร้างกระดูกใหม่เกิดขึ้นโดยขบวนการนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดชีวิต เมื่อใดก็ตามหากมีสิ่งใดมารบกวนสมดุลในกระบวนการปรับแต่งกระดูกนี้ เช่น มีการกระตุ้นการทำงานของ เซลส์สลายกระดูกหรือ มีการขัดขวางการทำงานของ เซลส์สร้างกระดูก หรือกระบวนการสะสมแร่ธาตุเกิดได้ไม่เต็มที่ ทำให้ความแข็งแรงของกระดูกลดน้อยลงและนำไปสู่การเกิดโรคกระดูกพรุนในที่สุด

ปัจจัยเสี่ยงมีอะไรบ้าง

1. ภาวะหมดประจำดือนในสตรี ทำให้ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีบทบาท

ในการกระตุ้นการสร้างกระดูก และยับยั้งการสลายกระดูก รวมทั้งทำให้กระดูกที่เสียหายได้รับการซ่อมแซม

2. ปัจจัยอื่นๆที่กระตุันให้เกิดโรคขึ้น เราเรียกโรคกระดูกพรุนที่เกิดด้วยสาเหตุนี้ว่าโรคกระดูกพรุนทุติยภูมิ

ปัจจัยอื่นดังกล่าวได้แก่ โรคต่างๆ ยาบางชนิด แอลกอฮอล์ การขาดสารอาหาร การขาดวิตามินดี การสูบบุหรี่ เป็นต้น

การรักษาโรคกระดูกพรุน จะมี 2 แบบ คือการรักษาโดยไม่ใช้ยา และการรักษาโดยใช้ยา

1.การรักษาโดยไม่ใช้ยา

โดยแนะนำให้

: ออกกำลังกาย เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกใหม่

: หลีกเลี่ยง ปัจจัยเสี่ยงต่างๆเช่น บุหรี่ ยาบางชนิดที่ทำให้เกิดกระดูกพรุน

: ได้รับแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ โดย แคลเซียมควรได้รับ 1200 มิลลิกรัมต่อวัน การรับแคลเซียมจากอาหารจะดีกว่า

แคลเซียมเสริม ควรได้รับวิตามินดี 800–1000 IU ต่อวัน

2. การรักษาด้วยยา

ยารักษาโรคกระดูกพรุนซึ่งมีหลายกลุ่ม ตามกลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันทั้งนี้แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาเลือกใช้ตามเงื่อนไขของผู้ป่วยแต่ละคนค่ะ

โรคกระดูกพรุนถือเป็นภัยเงียบ นะค่ะ ดังนั้นเราจึงควรดูแลสุขภาพกระดูกของเราแต่เนิ่นๆนะคะ อย่ารีรอค่ะ

--

--

แข็งแรง.com
แข็งแรง.com

Written by แข็งแรง.com

แข็งแรง.com เป็นกลุ่มแพทย์และเภสัชกรที่สนใจในเรื่องข้อมูลสุขภาพ อยากแบ่งปันเรื่องราวด้านสุขภาพและการดูแลตัวเอง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและมีสุขภาพที่ดี

No responses yet